สังคัง เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไรบ้าง
โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักก่อให้เกิดความรำคาญเนื่องจากทำให้มีอาการคัน เป็นผื่นแดง รู้สึกแสบผิวในบริเวณขาหนีบและต้นขาด้านใน ก็คือโรคสังคัง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย และมีโอกาสเกิดได้ซ้ำๆ แบบเป็นๆ หายๆ โดยสาเหตุและวิธีการรักษาที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร และมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้อย่างไรบ้าง มาดูรายละเอียดเพิ่มเติมไปพร้อมกันเลยค่ะ
สังคัง คืออะไร
สังคังคือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในบริเวณเฉพาะจุด ซึ่งก็คือ ที่โคนขาหนีบ ต้นขาด้านใน และอาจลามไปได้ถึงอวัยวะเพศ โดยจะมีลักษณะเป็นผื่นแดงที่มีลักษณะเป็นวงหรือเป็นแผ่น ผื่นมีขอบชัดเจน บางรายอาจพบว่าผิวหนังลอก เป็นขุย ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการคันอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีอาการแสบร้อน และอาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น หากมีเหงื่อออกหรือผิวหนังอับชื้น โดยทั่วไปแล้ว โรคสังคังมักจะพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็กและพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อีกทั้งยังพบได้มากในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้น
สาเหตุของการเกิดโรคสังคัง
เชื้อที่เป็นต้นเหตุของโรคสังคังนั้น เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Dermatophyte ซึ่งเป็นเชื้อราที่พบได้บนผิวหนัง, เส้นผม และเล็บของมนุษย์ทั่วไป แต่จะไม่ทำให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย แต่เมื่อมีความอับชื้นเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็จะทำให้เชื้อราชนิดนี้มีการเจริญเติบโตมากขึ้น จนทำให้เกิดผื่นคันและลุกลามจากผิวหนังส่วนนั้นไปยังผิวหนังบริเวณใกล้เคียงได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคสังคังมีการเจริญเติบโตได้ดีนั้นมาจากหลายประการดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีโรคหรือความผิดปกติบางอย่าง เช่น เบาหวาน, โรคอ้วน, เหงื่อออกมากผิดปกติ, ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ เป็นต้น
- ผู้ที่ไม่ค่อยดูแลสุขอนามัยของตนเอง ไม่ค่อยอาบน้ำและไม่ค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากที่มีการเปียกชื้นจากเหงื่อหรือความชื้น
- ผู้ชายที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้มากกว่าปกติ
- นักกีฬาที่มีเหงื่อออกมาก และผิวหนังต้องเปียกเหงื่อชื้นๆ อยู่เป็นเวลานานเป็นประจำ
- ผู้ที่มักจะสวมใส่เสื้อผ้าที่สกปรก หรือใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ บ่อยๆ
- ผู้ที่มักจะสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป
- ผู้ที่มักจะใช้เสื้อผ้าและของใช้ร่วมกับผู้อื่นที่เป็นโรคนี้อยู่
สังคังเป็นแล้วต้องรักษาอย่างไร
โรคสังคังเป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการคันและไม่สุขสบาย ดังนั้น เมื่อเป็นโรคนี้จึงต้องรีบทำการรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังผิวหนังบริเวณอื่น ซึ่งในเบื้องต้นสามารถหาซื้อยาทาฆ่าเชื้อรา โดยหากยังไม่มีอาการรุนแรงก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่หากทายาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น มีผื่นเพิ่มขึ้น ต้องไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยแพทย์จะทำการรักษาด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.ซักประวัติเพื่อคัดกรองโรคในขั้นตอนแรก โดยจะเป็นการซักประวัติทั่วไป ข้อมูลสุขภาพ โรคประจำตัว อาการแพ้ยาและแพ้อาหาร รวมถึงพฤติกรรมการดูแลตนเองในชีวิตประจำวัน
2.ตรวจร่างกาย แพทย์จะทำการตรวจดูผื่นที่ขึ้นบนผิวหนังว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร อยู่ในตำแหน่งไหนเพื่อวิเคราะห์เบื้องต้นว่าเป็นโรคสังคังจริงหรือไม่ และหากผู้ป่วยมีอาการคันและเกาจนนำเชื้อไปติดที่บริเวณอื่น เช่น ศีรษะ, ข้อพับ ก็จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมด้วย
3.ทำการขูดผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยจะนำเซลล์ไปเพาะเลี้ยงเชื้อรวมทั้งส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูว่าเชื้อราที่เป็นสาเหตุนั้นเป็นชนิดใดเพื่อที่จะได้วางแผนการรักษาต่อไป
4.การรักษาจะมีอยู่ด้วยกันทั้งการให้ยามาทาและยารับประทาน โดยยาทาผิวหนังจะเป็นยาต้านเชื้อราที่ต้องทาต่อเนื่องติดต่อกัน 2-4 สัปดาห์ ส่วนยารับประทานนั้น แพทย์จะให้เมื่อผู้ป่วยเป็นผื่นลามบริเวณกว้างหรือเป็นเรื้อรัง
วิธีป้องกันการเกิดโรคสังคัง
1.สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่เปียกชื้น มีความโปร่ง สามารถระบายอากาศได้ดี และที่สำคัญควรเป็นเสื้อผ้าที่มีขนาดพอดีกับร่างกาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป หากเป็นชุดกีฬาควรเลือกเนื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่อมเหงื่อและความชื้น หากเปียกชื้นมากควรทำการเปลี่ยนชุดใหม่ ไม่ควรใส่ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
2.รักษาความสะอาดของร่างกายและดูแลสุขอนามัยให้ดี โดยหมั่นทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำทุกวัน อาบน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง หลังอาบน้ำต้องเช็ดตัวให้แห้งและทาแป้งเพื่อให้ผิวไม่อับชื้น และลดการเสียดสีของผิวหนัง
3.หลังทำกิจกรรมที่เหงื่อออกหรือเปียกชื้น เช่น หลังออกกำลังกาย, เปียกฝน หรือทำงานที่ต้องสัมผัสกับน้ำและความชื้น ให้รีบอาบน้ำให้สะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้เป็นเสื้อผ้าที่แห้ง สะอาด
4.หลีกเลี่ยงการใช้เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะของใช้ที่เป็นส่วนตัวอย่างมาก เช่น กางเกงชั้นใน, ถุงเท้า, ผ้าขนหนูเช็ดตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผู้อื่นที่เป็นโรคนี้อยู่
5.ควบคุมโรคประจำตัวที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย เช่น เบาหวาน ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ง่าย, โรคอ้วน ที่ควรลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดเชื้อทางผิวหนัง
โรคสังคังนั้นเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะคนที่มักปล่อยให้ผิวหนังบริเวณขาหนีบและต้นขาด้านในอับชื้นจนทำให้เกิดผื่นแดง คัน และเกิดความไม่สุขสบาย ซึ่งเมื่อได้รู้ถึงสาเหตุและวิธีการดูแลตนเองอย่างถูกวิธีแล้ว ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้ขึ้นได้อีกในอนาคต