นิ้วล็อค เกิดจากอะไร? วิธีการรักษาและป้องกัน
โรคนิ้วล็อคเป็นโรคที่ใกล้ตัวมากสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ทำงานใช้กล้ามเนื้อมือหนักมากเกินไป อย่างเช่น คนทำงานออฟฟิศที่เกี่ยวกับการพิมพ์คีย์บอร์ด แม่บ้านทำงานบ้าน และคนทำงานที่เกี่ยวกับการใช้กล้ามเนื้อมือ โดยเมื่อมีอาการนิ้วล็อคจะทำให้กล้ามเนื้อนิ้วมือไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งนิ้วลอกเกิดจากอะไรและจะมีวิธีป้องกันด้วยวิธีไหนบ้างเรามาดูกันเลยดีกว่า
สาเหตุนิ้วล็อค
โรคนิ้วล็อค หรือ Trigger Finger เกิดจากการที่เส้นเอ็นนของนิ้วมีอาการอักเสบ ทำให้เส้นเอ็นและเยื่อหุ้มเส้นเอ็นมีขนาดหนาขึ้นกลายเป็นพังผืดเกาะ ขาดความยืดหยุ่นจนไม่สามารถขยับนิ้วเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างสะดวก รู้สึกเหมือนกับนิ้วถูกล็อคไว้ โดยปกตินิ้วล็อคมักเกิดขึ้นกับนิ้วโป้ง นิ้วกลาง และนิ้วนาง หรืออาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ซึ่งสาเหตุเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อฝ่ามือหนักมากเกินไปหรือใช้เป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นและกลายมาเป็นอาการนิ้วล็อคขึ้นมานั่นเอง
อาการของโรคนิ้วล็อค
ผู้ที่มีอาการนิ้วล็อคส่วนใหญ่ล้วนแต่ผ่านการใช้งานนิ้วมือมาหนักมากจนเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นและเยื่อหุ้มเส้นเอ็น โดยโรคนิ้วล็อคผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้
- มีอาการปวดชานิ้วโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน หรือหลังจากนอนตื่น เมื่อขยับนิ้วมือแล้วจะรู้สึกเจ็บปวดตรงข้อ
- มีอาการปวดเจ็บบริเวณฐานของนิ้วมือ หรือตรงบริเวณฝ่ามือ
- ไม่สามารถเหยียดหรืองอนิ้วได้ตรง เพราะจะมีอาการสะดุด และเจ็บปวดมาก
- นิ้วยึดติดแข็งจนไม่สามารถใช้งานได้ นิ้วโก่งงอผิดรูปไปเลย
- ถ้าอาการหนักนิ้วอาจจะติดในท่างอเป็นเวลานานๆ ไม่สามารถนำกลับท่าเดิมได้จนกว่ากล้ามเนื้อจะคลายตัว
วิธีการดูแลรักษา
วิธีรักษาอาการของโรคนิ้วล็อคนั้นสามารถรักษาได้หลายวิธีแต่ก็ขึ้นกับระดับความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น โดยวิธีรักษาสามารถทำได้ดังนี้
- เมื่อมีอาการนิ้วล็อคให้ผู้ป่วยนำน้ำร้อนหรือน้ำเย็นมาประคบที่นิ้วมือ ซึ่งจะช่วยให้อาการนิ้วล็อคดีขึ้น นอกจากนี้ก็อาจแช่นิ้วมือในน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการลงได้เช่นกัน
- ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อได้ยืดตัว และยังช่วยให้นิ้วมือสามารถเคลื่อนที่ได้ตามปกติอีกด้วย
- สำหรับผู้ป่วยที่มักจะใช้นิ้วมือทำงานหนักเป็นประจำควรได้รับการพักผ่อนให้เพียงพอ พักมือจากกิจกรรมที่ทำอยู่ให้มากๆ อาจจะใช้เวลาพักมืออย่างน้อย 3 – 4 สัปดาห์
- ใช้ตัวช่วยด้วยอุปกรณ์ดามนิ้วมือ เพราะการใส่ดามนิ้วมือจะช่วยให้นิ้วตรงไม่งอ หรือเหยียดเกินไป อีกทั้งยังช่วยให้นิ้วได้พักจากการทำงานหนักที่เป็นสาเหตุของการเกิดนิ้วล็อค โดยแพทย์จะแนะนำให้ใส่อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อดามนิ้วมือไว้ตลอดคืน เพราะจะช่วยไม่ให้นิ้วเกร็งหรืองอในขณะที่หลับนั่นเอง
- รักษาด้วยยา โดยการใช้ยาต้านอักเสบจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แต่การรักษาด้วยยาไม่สามารถช่วยลดอาการบวมตรงปลอกอุ้มเอ็นนิ้วมือได้
- ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหากรักษาด้วยยาและการบำบัดไม่ได้ผล แพทย์อาจจะต้องรักษาโดยการศัลยกรรมในกระบวนทางการแพทย์ เช่น การฉีดสารสเตียรอยด์ เพื่อช่วยลดอาการบวมของเส้นเอ็น และช่วยให้นิ้วสามารถเคลื่อนไหวได้ และถ้ายังไม่ได้ผลแพทย์อาจจะทำการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการนิ้วล็อค ซึ่งการผ่าตัดนี้ผู้ป่วยไม่จำเป็นจะต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล
การป้องกันนิ้วล็อค
อาการนิ้วล็อคหากเกิดขึ้นและไม่ได้ทำการรักษาก็จะกลับมาเป็นได้อีกซ้ำๆ จนกว่าจะทำการรักษาโดยถูกวิธีตามแพทย์แนะนำ อย่างไรก็ตามอาการนิ้วล็อคสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- หมั่นออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อนิ้วมือเป็นพักๆ
- หากต้องใช้นิ้วมือทำงานหนักจะต้องมีเวลาพักนิ้วเป็นพักๆ และยืดกล้ามเนื้อมือ
- ไม่หิ้วหรือถือของหนักจนเกินไปเป็นเวลานานๆ ลดการใช้น้ำหนักไปที่นิ้วมือ
- หากต้องใช้มือจับของแน่นๆ อย่างเช่น การขุดดิน หรือการไปตีกอล์ฟ ควรใช้ถุงมือผ้านุ่มๆ พันรอบๆ มือเพื่อลดแรงกระแทกที่นิ้วมือ
- ใช้น้ำอุ่นแช่มือในช่วงเช้าๆ เป็นประจำจะช่วยให้ข้อฝืดลดลง และสามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมือได้ดีมากขึ้น
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นนิ้วล็อค
โรคนิ้วล็อคสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะกับคนที่ทำงานใช้นิ้วมือหนักเกินไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะพบอาการนิ้วล็อคกับผู้สูงอายุ ซึ่งเฉลี่ยอายุที่พบบ่อยคือ 40 – 60 ปี จะพบกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และคนที่ป่วยเป็นโรคนิ้วล็อคส่วนใหญ่มักจะอยู่ในกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่มีโรคเหล่านี้มักจะป่วยเป็นโรคนิ้วล็อคได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป
ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่มีอาการนิ้วล็อคเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างเช่นบุ คคลที่ชื่นชอบการเล่นเกมมากเกินไปจนไม่ยอมพักนิ้ว บุคคลที่ทำงานในออฟฟิศที่จะต้องใช้นิ้วมือคีย์ข้อมูล คนที่ทำงานหนักเป็นประจำ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อคมากยิ่งขึ้นนั่นเอง